เคล็ดลับ การพิจารณาเลือกใช้ ชั้นวางสินค้าที่เหมาะสม
- Worapong SVB-Racking
- Apr 9
- 2 min read

จากการที่คุณกำลังศึกษาเกี่ยวกับประเภทของ Pallet Racking, ข้อดีข้อเสีย และกรณีการใช้งาน ผมจะแบ่งหัวข้อสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือก Pallet Racking พร้อมทั้งอธิบายวิธีการออกแบบ มาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้อง และยกตัวอย่างกรณีศึกษาจากโลกจริง นอกจากนี้ ผมจะสร้างตารางเปรียบเทียบ Pallet Racking ประเภทต่างๆ ให้ด้วยครับ
หัวข้อสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือก Pallet Racking:
ประเภทของสินค้าและลักษณะการจัดเก็บ (Type of Goods and Storage Characteristics):
ขนาดและน้ำหนักของสินค้า
ปริมาณสินค้าคงคลัง (Inventory Volume)
ความถี่ในการเข้าถึงสินค้า (Access Frequency)
ข้อกำหนดพิเศษในการจัดเก็บ (เช่น อุณหภูมิ, ความปลอดภัย)
พื้นที่คลังสินค้าและข้อจำกัด (Warehouse Space and Constraints):
ขนาดและรูปร่างของพื้นที่
ความสูงของเพดาน
ตำแหน่งของประตู, ทางเดิน, และเสา
ข้อจำกัดด้านกฎหมายและข้อบังคับ
งบประมาณ (Budget):
ต้นทุนเริ่มต้นในการจัดซื้อและติดตั้ง
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment)
ความถี่ในการหมุนเวียนสินค้า (Inventory Turnover Rate):
สินค้าหมุนเวียนเร็ว (FIFO - First-In, First-Out)
สินค้าหมุนเวียนช้า (LIFO - Last-In, First-Out)
วิธีการจัดการสินค้า (Material Handling Methods):
ประเภทของรถยก (Forklift Type)
ความกว้างของทางเดินรถยกที่ต้องการ
ความต้องการในการเข้าถึงสินค้าแต่ละรายการ (Accessibility Requirements):
ต้องการเข้าถึงสินค้าทุกรายการโดยตรงหรือไม่
ยอมรับการเข้าถึงสินค้าแบบเป็นกลุ่มได้หรือไม่
ความเป็นไปได้ในการขยายระบบในอนาคต (Future Expansion Possibilities):
สามารถเพิ่มจำนวน Rack หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ง่ายหรือไม่
วิธีการออกแบบ Pallet Racking:
การออกแบบ Pallet Racking ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพ โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้:
การกำหนดความต้องการ (Defining Requirements): กำหนดประเภทของสินค้า, น้ำหนัก, ขนาด, ปริมาณ, และความถี่ในการเข้าถึง
การวางผังคลังสินค้า (Warehouse Layout Planning): กำหนดตำแหน่งของ Rack, ทางเดิน, พื้นที่โหลด/ขนถ่าย, และพื้นที่อื่นๆ
การเลือกประเภทของ Pallet Racking (Selecting Pallet Racking Type): เลือกประเภทที่เหมาะสมกับความต้องการและข้อจำกัด
การคำนวณโหลด (Load Calculation): คำนวณน้ำหนักบรรทุกสูงสุดที่ Rack ต้องรับได้
การออกแบบโครงสร้าง (Structural Design): ออกแบบขนาดและคุณสมบัติของเสา, คาน, และส่วนประกอบอื่นๆ โดยคำนึงถึงความแข็งแรงและความมั่นคง
การออกแบบจุดเชื่อมต่อ (Connection Design): ออกแบบจุดเชื่อมต่อระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ให้สามารถถ่ายเทแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การออกแบบฐานยึด (Base Plate and Anchorage Design): ออกแบบฐานยึดให้สามารถยึด Rack กับพื้นได้อย่างมั่นคง
การพิจารณาความปลอดภัย (Safety Considerations): ออกแบบให้มีอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น ราวกันกระแทก, ตาข่ายกันตก
การจัดทำแบบก่อสร้างและรายการคำนวณ (Preparing Drawings and Calculations): จัดทำเอกสารรายละเอียดการออกแบบทั้งหมด
มาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้อง (International Standards Involved):
ANSI MH16.1: Specification for the Design, Testing and Utilization of Industrial Steel Storage Racks (USA)
ANSI MH16.3: Specification for the Design, Testing and Utilization of Welded Wire Rack Shelving (USA)
EN 15512: Steel static storage systems - Adjustable pallet racking - Principles for structural design (Europe)
EN 15620: Steel static storage systems - Adjustable pallet racking - Tolerances, deformations and clearances (Europe)
EN 15635: Steel static storage systems - Application and maintenance of storage equipment (Europe)
AS 4084: Steel storage racking (Australia)
กรณีศึกษาจากโลกจริง (Real-World Case Studies):
บริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่: เลือกใช้ Selective Pallet Racking เนื่องจากต้องการเข้าถึงสินค้าทุกรายการได้โดยตรง และมีการหมุนเวียนสินค้าที่หลากหลาย
ศูนย์กระจายสินค้าสำหรับสินค้าจำนวนมาก: เลือกใช้ Drive-In Pallet Racking เพื่อเพิ่มความหนาแน่นในการจัดเก็บสินค้าที่มีปริมาณมากและมีการหมุนเวียนไม่สูงนัก
คลังสินค้าที่มีพื้นที่จำกัด: อาจเลือกใช้ High-Density Pallet Racking เช่น Push-Back หรือ Pallet Flow เพื่อใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ธุรกิจ E-commerce: อาจใช้ Multi-Tier Shelving หรือ Mezzanine Floor ร่วมกับ Pallet Racking เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสำหรับสินค้าขนาดเล็กจำนวนมาก
ตารางเปรียบเทียบประเภทของ Pallet Racking:
ประเภท Pallet Racking | ข้อดี (Pros) | ข้อเสีย (Cons) | กรณีการใช้งาน (Use Cases) |
Selective Pallet Racking | เข้าถึงสินค้าทุกรายการได้โดยตรง, ติดตั้งง่าย, ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ | ใช้พื้นที่ทางเดินมาก | คลังสินค้าที่มีสินค้าหลากหลายชนิด, ต้องการเข้าถึงสินค้าแต่ละรายการบ่อย, การหมุนเวียนสินค้าปานกลาง |
Drive-In/Drive-Thru Racking | ใช้พื้นที่จัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพสูง, เหมาะสำหรับสินค้าปริมาณมาก | เข้าถึงสินค้าแต่ละรายการโดยตรงไม่ได้ (FIFO/LIFO), อาจใช้เวลานานในการเข้าถึงสินค้าที่อยู่ด้านใน | คลังสินค้าที่มีสินค้าปริมาณมากชนิดเดียว หรือสินค้าที่มีการหมุนเวียนช้า (Drive-In), สินค้าที่มีการหมุนเวียนเร็ว (Drive-Thru) |
Push-Back Racking | ใช้พื้นที่จัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพสูง, เข้าถึงสินค้าได้รวดเร็ว (LIFO) | ต้นทุนสูงกว่า Selective และ Drive-In | คลังสินค้าที่มีสินค้าปริมาณมากและต้องการการเข้าถึงที่รวดเร็ว (LIFO), เหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่เน่าเสียง่าย |
Pallet Flow Racking | ใช้พื้นที่จัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพสูง, สินค้าหมุนเวียนตามลำดับ (FIFO) | ต้นทุนสูงกว่า Selective และ Drive-In, เหมาะสำหรับสินค้าที่มีขนาดและน้ำหนักเท่ากัน | คลังสินค้าที่มีสินค้าปริมาณมากและต้องการการหมุนเวียนตามลำดับ (FIFO), เหมาะสำหรับสินค้าที่เน่าเสียง่าย หรือมีวันหมดอายุ |
Cantilever Racking | เหมาะสำหรับจัดเก็บสินค้าที่มีขนาดยาว เช่น ท่อ, ไม้, เหล็กเส้น | อาจไม่เหมาะสำหรับสินค้าที่เป็นกล่องหรือพาเลทมาตรฐาน | ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง, โรงงานผลิตท่อหรือเหล็ก, คลังสินค้าสำหรับสินค้าที่มีขนาดยาว |
Mobile Pallet Racking | ใช้พื้นที่จัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพสูงมาก, ทางเดินสามารถเปิดปิดได้ตามต้องการ | ต้นทุนสูง, ความเร็วในการเข้าถึงอาจช้ากว่าประเภทอื่น | คลังสินค้าที่มีพื้นที่จำกัดมาก และต้องการเพิ่มความหนาแน่นในการจัดเก็บสูงสุด, เหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่ต้องการการเข้าถึงบ่อยนัก เช่น สินค้าแช่แข็ง |
Multi-Tier Shelving/Mezzanine Floor | เพิ่มพื้นที่จัดเก็บในแนวตั้ง, เหมาะสำหรับสินค้าขนาดเล็กจำนวนมาก | อาจต้องมีระบบลำเลียงสินค้าเพิ่มเติม | คลังสินค้า E-commerce, คลังสินค้าสำหรับชิ้นส่วนขนาดเล็ก, พื้นที่จัดเก็บเอกสาร |
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการศึกษาของคุณนะครับ หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้เลยครับ
Comentários